บทที่ 1
บทนำ
---------------------
ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พุทธศักราช 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2545 มาตรา 22
กำหนดว่าการจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด
กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ
นอกจากนี้ในมาตร 23 กำหนดวาการจัดการศึกษาทั้งการศึกษาในระบบและการศึกษานอกระบบ
และการศึกษาตามอัธยาศัยต้องให้ความสำคัญทั้งความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้และบูรณาการตามความเหมาะสมของแต่ละระดับการศึกษา
ซึ่งในการจัดกระบวนการเรียนรู้ตามมาตรา 24
(5)นั้นสถานศึกษาต้องส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัดบรรยายกาศ
สื่อการเรียนและอำนวยความสะดวก
เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดการเรียนรู้ตามอัธยาศัย
ซึ่งครูผู้สอนหรือผู้จัดการเรียนรู้จำเป็นอย่างยิ่งต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ
ตามมาตรา 25
ซึ่งกำหนดให้รัฐต้องส่งเสริมการดำเนินงานและการจัดตั้งแหล่งการเรียนรู้ทุกรูปแบบได้แก่
ห้องสมุดประชาชน พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ สวนสัตว์
สวนสาธารณะ และแหล่งเรียนรู้อื่นอย่างพอเพียงและมีประสิทธิภาพ
(สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ,2542: 5-14) และมาตรา 5
แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ.2551
บัญญัติไว้ว่า “เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการสนับสนุนการศึกษาให้บุคคลได้รับการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอย่างทั่วถึง
และมีคุณภาพตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ
โดยให้บุคคลซึ่งได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานไปแล้วหรือไม่ก็ตาม
มีสิทธิได้รับการศึกษาในรูปแบบการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยได้แล้วแต่กรณีทั้งนี้ตามกระบวนการและการดำเนินการที่ได้บัญญัติไว้พระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจึงกำหนดนโยบายและจุดเป็นการดำเนินงาน
ด้านการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยในปีงบประมาณ 2554
เพื่อมุ่งพัฒนาคุณภาพประชาชนที่อยู่นอกระบบโรงเรียนให้ได้รับการศึกษาตลอดชีวิตอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกันตามแนวปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง
(พ.ศ.2552-2561) เพื่อมุ่งสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต (สำนักงาน กศน.,2554:10-15)
อย่างไรก็ตามจากผลการดำเนินงานตามนโยบายและจุดเน้นของสำนักงาน
กศน.ในปีงบประมาณ 2554 ก็ยังพบว่า สถานศึกษาหลายแห่งในสังกัดสำนักงาน
กศน.ทุกระดับยังไม่สามารถจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
ได้ครอบคลุมทุกพื้นที่และกลุ่มเป้าหมาย
จึงนำไปสู่การกำหนดนโยบายและจุดเน้นการดำเนินงานของสำนักงาน กศน.ในปีงบประมาณ 2555
ซึ่งเน้นย้ำนโยบายต่อเนื่อง เรื่องการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้ดำเนินการอย่างหลากหลายรูปแบบ
รวมทั้งนโยบายด้านการศึกษาตามอัธยาศัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมการอ่าน
การสร้างบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการอ่านให้เกิดขึ้นในสังคมไทย
และนโยบายการส่งเสริมการเรียนรู้ของชุมชนที่เน้นให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้ของชุมชน
พร้อมทั้งสนับสนุนให้มีการขยายและพัฒนาแหล่งเรียนรู้ในชุมชนเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตามอัธยาศัยของประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ
(สำนักงาน กศน. 2555:9-21)
จากการกำหนดนโยบายและจุดเน้นด้านการศึกษาตามอัธยาศัยของสำนักงาน
กศน.ดังกล่าว จึงแสดงให้เห็นว่า สำนักงาน กศน.ได้ให้ความสำคัญกับ “การศึกษาตามอัธยาศัย”
ซึ่งมีความสอดคล้องกับสถานการณ์ของสังคมปัจจุบันที่พบว่าเกิดกระแสเรียกร้องให้มีการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย
เพื่อให้มนุษย์ได้เรียนรู้และใช้ประโยชน์จากข่าวสารข้อมูลและเทคโนโลยีต่าง ๆ
ในการแก้ปัญหาและพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองให้มีคุณภาพ (ทวีป อภิสิทธิ์,2554:34)
ด้วยเหตุนี้
สถาบันพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยภาคเหนือ (สถาบัน กศน.ภาคเหนือ)
ซึ่งมีบทบาทหน้าที่ในการพัฒนารูปแบบ แนวทาง หลักสูตร สื่อ และบุคลากรทีเกี่ยวข้อง ของสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด
(สำนักงาน กศน.จังหวัด) ในเขตภาคเหนือ
และศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอ (ศูนย์ กศน.อำเภอ)
ในเขตภาคเหนือ
จึงมีความจำเป็นและสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสภาพปัญหาในการจัดและให้บริการการเรียนรู้ของหน่วยจัดและความต้องการในการรับบริการการศึกษาตามอัธยาศัยของผู้เรียน
กศน. ในเขตภาคเหนือ
และพัฒนาแนวทางการจัดการศึกษาตามอัธยาศัยให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพ
ปัญหาและความต้องการของผู้เรียน กศน.ในเขตภาคเหนือเพื่อนำไปสู่การพัฒนาตนเอง
ครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศชาติต่อไป
วัตถุประสงค์ของการศึกษา
1.
ศึกษาสภาพ
ปัญหาและความต้องการรับบริการการศึกษาตามอัธยาศัยสำหรับผู้เรียน กศน.ในเขตภาคเหนือ
2.
เพื่อพัฒนาแนวทางการจัดการศึกษาตามอัธยาศัยที่สอดคล้องกับสภาพ
ปัญหาและความต้องการของผู้เรียน กศน.
ขอบเขตของการศึกษา
1.
ขอบเขตด้านเนื้อหา
ในการศึกษาครั้งนี้
เป็นการศึกษาถึงสภาพการจัดปัญหาอุปสรรคและความต้องการรับบริการการศึกษาตามอัธยาศัยของผู้เรียน
กศน.ในเขตภาคเหนือ
ตลอดจนแนวทางการจัดการศึกษาตามอัธยาศัยที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพและความต้องการของผู้เรียน
กศน.
2.
ขอบเขตด้านประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ประกอบด้วย
2.1 ครู กศน.ตำบล จำนวน 2,000 คน
2.2
ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอ จำนวน 196 คน
การสุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล
ดำเนินการดังต่อไปนี้
(1) แบ่งประชากรออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
กลุ่มภาคเหนือตอนบน และภาคเหนือตอนล่าง
ดังนี้
ภาคเหนือตอนบน ประกอบด้วย
เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน
ลำปาง เชียงราย พะเยา
น่าน และแพร่
ภาคเหนือตอนล่าง ประกอบด้วย อุทัยธานี นครสวรรค์ กำแพงเพชร พิจิตร เพชรบูรณ์
พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์และตาก
(2)
สุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบนและภาคเหนือตอนล่าง กลุ่มละ 2 จังหวัด ได้แก่
จังหวัดเชียงใหม่ พะเยา อุตรดิตถ์และพิษณุโลก
(3)
สุ่มอำเภอจากจังหวัด จังหวัดละ 2 อำเภอ ได้แก่
s อำเภอเชียงดาวและอำเภอจอมทอง
จังหวัดเชียงใหม่
s อำเภอภูซาง และอำเภอแม่ใจ
จังหวัดพะเยา
s อำเภอทองแสนขัน
และอำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์
s อำเภอบางกระทุ่ม
และอำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก
(4)
เก็บรวบรวมข้อมูลจากประชากรในแต่ละอำเภอ
3.
ขอบเขตด้านระยะเวลา
ดำเนินการระหว่างเดือนกรกฎาคม
– ตุลาคม 2555
วิธีการศึกษา
1.
ศึกษาข้อมูลจากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
2.
เก็บรวบรมข้อมูลโดยใช้แบบอบถามและแบบสัมภาษณ์ในประเด็นสภาพปัญหาและความต้องการรับบริการการศึกษาตามอัธยาศัยของผู้เรียน
กศน.ในเขตภาคเหนือ
3.
พัฒนาแนวทางในการจัดการศึกษาตามอัธยาศัยสำหรับผู้เรียน
กศน.ในเขตภาคเหนือ
4.
เก็บรวบรวมข้อมูลการศึกษาแนวทางในการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย
สำหรับผู้เรียน กศน.ในเขตภาคเหนือ
โดยใช้แบบสอบถามในประเด็นระดับความเห็นต่อการใช้แนวทางการจัดการศึกษาตามอัธยาศัยในปัจจุบันและที่ควรจะเป็นในอนาคต
5.
วิเคราะห์ข้อมูลและกำหนดประเด็นในการศึกษาเฉพาะด้าน
6.
เก็บรวบรวมข้อมูลเฉพาะด้านโดยการจัดสนทนากลุ่ม (Focus Group)
7.
สรุปแนวทางการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย สำหรับผู้เรียน
กศน.ในเขตภาคเหนือ
ประโยชน์ที่จะได้รับ
1.
ผู้เรียน
กศน.ในเขตภาคเหนือได้รับการศึกษาตามอัธยาศัยที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพและความต้องการของตนเองและชุมชน
2.
ครู กศน.ตำบลศูนย์ กศน.อำเภอและสำนักงาน
กศน.จังหวัดได้ข้อมูลรูปแบบและแนวทางในการจัดการศึกษาและแนวทางการส่งเสริมสนับสนุนการเรียนรู้ตามอัธยาศัยที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพและความต้องการของผู้เรียน
กศน.
3.
สถาบัน กศน.ภาคเหนือ มีข้อมูลในการพัฒนาหลักสูตรสื่อการเรียนรู้
ตลอดจนการพัฒนาครูและบุคลากรทีเกี่ยวข้องในการจัดการศึกษาตามอัธยาศัยสำหรับผู้เรียน
กศน.ในเขตภาคเหนือ
4.
สำนักงาน
กศน.มีข้อมูลในการกำหนดนโยบายและการจัดสรรทรัพยากรแก่หน่วยงานและสถานศึกษาที่เกี่ยวข้อง
นิยามศัพท์เฉพาะ
1.
ผู้เรียน กศน.ในเขตภาคเหนือ หมายถึง
นักศึกษาการศึกษานอกโรงเรียนที่เข้ารับบริการกิจกรรมทางการศึกษาของสถานศึกษาในเขตภาคเหนือ
ในสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
2.
ครู กศน.หมายถึง
พนักงานราชการที่ได้รับการคัดเลือกและแต่งตั้งจากสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยให้ทำหน้าที่รับผิดชอบการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยของ
กศน.ตำบล
3.
กศน.ตำบลหมายถึง
สถานศึกษาที่รับผิดชอบในการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยเพื่อบริการแก่ประชาชนซึ่งตั้งอยู่ในตำบลและศูนย์กลางจัดการเรียนรู้ให้กับชุมชน
4.
การศึกษาตามอัธยาศัย หมายถึง
การจัดการศึกษาที่มุ้งเน้นให้เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองตามความสนใจ ศักยภาพ ความพรอม
โอกาส ประสบการณ์ที่สอดคล้องกับวิถีการดำเนินชีวิตของผู้เรียน
เพื่อเพิ่มพูนความรู้ เจตคติ ทักษะ และการพัฒนาคุณภาพชีวิต อาทิการจัดกิจกรรมในห้องสมุดประชาชน
ศูนย์การเรียน พิพิธภัณฑ์
เรียนรู้กับภูมิปัญญาท้องถิ่น การเสวนา การอภิปราย
การเรียนรู้จากระบบคอมพิวเตอร์ เป็นต้น